วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียน  ครั้งที่  10
วัน  พุธ  ที่  15  เดือน  มีนาคม  พ.ศ.  2560
เนื้อหา
         คุณครูได้นำแผนการจัดประสบการณ์เกี่ยวกับ หน่วยบ้านที่รุ่นพี่เขียน  ไว้เพื่อให้ศึกษาเป็นแนวทางตัวอย่าง
แล้วคุณครูแจกกระดาษคำตอบที่สอบไปเมื่อสัปดาห์สอบกลางภาคมาตรวจคะแนนว่าตรงกับที่คุณครูตรวจหรือไม่   พร้อมเฉลยคำตอบของข้อสอบ  ต่อมาคุณครูได้เปิดวีดีโอ เกี่ยวกับความสามารถของเด็กที่เป็น    ออทิตติสชื่อน้องช่อแก้วที่ออกมาโชว์การแสดงตีขิมเพลงต่างๆในรายกายซุปเปอร์เท็น

และคุณครูให้นักศึกษาวาดภาพดอกบัวที่เราเห็นที่หน้าจอที่คุณครูเปิดและบันทึกสิ่งที่เห็นลงในกระดาษที่เราวาดดอกบัว





การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
รูปแบบการจัดการศึกษา
          การศึกษาปกติทั่วไป (Regular Education)
          การศึกษาพิเศษ (Special Education)
          การศึกษาแบบเรียนร่วม  (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
          การศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)
การจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
          เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม  (Integrated Education หรือ Mainstreaming)
          การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป
          มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศษกับเด็กทั่วไปได้ทำร่วมกัน
          ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน
          ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน
การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)
          การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
          เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ
          เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้
การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)
          การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
          เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
          มีเป้าหมายเพื่อให้เด็กเข้าใจซึ่งกันและกัน ตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันและมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
          เด็กปกติจะยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ เข้าใจว่าคนเราเกิดมาไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่าง ท่ามกลางความแตกต่างกัน มนุษย์เราต้องการความรัก ความสนใจ ความเอาใจใส่เช่นเดียวกันทุกคน
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม  (Inclusive Education)
          การศึกษาสำหรับทุกคน
          รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา
          จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
Wilsaon , 2007
          การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก
          การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
          กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้
          เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง
สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
          เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกัน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
          เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา
          เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน
      (Education for All)
          การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
          เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก
          เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้ และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ รวมกัน ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน
          ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ โดยไม่มีการแบ่งแยก
ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
          ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
          สอนได้
          เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด
บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม
ครูไม่ควรวินิจฉัย
          การวินิจฉัย หมายถึงการตัดสินใจโดยดูจากอาการหรือสัญญาณบางอย่าง
          จากอาการที่แสดงออกมานั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้
ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก
          เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
          ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป
          เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ
          พ่อแม่ของเด็กพิเศษ มักทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหา
          พ่อแม่ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว
          ครูควรพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวก แต่ต้องไม่ให้เกิดความหวังผิดๆ
          ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้
          ครูช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา
ครูทำอะไรบ้าง
          ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
          ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
          สังเกตเด็กอย่างมีระบบ
          จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
สังเกตอย่างมีระบบ
          ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู
          ครูเห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่า
          ต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลินิก มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา
การตรวจสอบ
          จะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร
          เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น
          บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ
ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
          ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
          ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
          พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
การบันทึกการสังเกต
          การนับอย่างง่ายๆ
          การบันทึกต่อเนื่อง
          การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
การนับอย่างง่ายๆ
          นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม
          กี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง
          ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
การบันทึกต่อเนื่อง
          ให้รายละเอียดได้มาก
          เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง
          โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ
การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
          บันทึกลงบัตรเล็กๆ
          เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
          ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง
          พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
การตัดสินใจ
          ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
          พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น