วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560




บันทึกการเรียน  ครั้งที่  3
วัน  พุธ  ที่  25  เดือน  มกราคม  พ.ศ.  2560
เนื้อหา
ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา  
(Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)
          เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
          ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน"  กวาด ฟาด
          เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
          เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
          พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
          การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
          อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
          จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
          เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย

3. ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders)
          ความบกพร่องของระดับเสียง
          เสียงดังหรือค่อยเกินไป
          คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา 
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมาย
ของคำพูด และ/หรือ ไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย  (Delayed Language)  
          มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
          มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
          ไม่สามารถสร้างประโยคได้
          มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
          ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่า
Dysphasia หรือ aphasia
          อ่านไม่ออก (alexia)
          เขียนไม่ได้ (agraphia )
          สะกดคำไม่ได้
          ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
          จำคำหรือประโยคไม่ได้
          ไม่เข้าใจคำสั่ง
          พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
Gerstmann’s syndrome
ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
คำนวณไม่ได้ (acalculia)
เขียนไม่ได้ (agraphia)
อ่านไม่ออก (alexia)
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
         ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
         ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
         ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
         หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
         ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
         หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
         มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
         ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ (Children with Physical and Health Impairments)
          เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
          อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
          เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
          มีปัญหาทางระบบประสาท
          มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก (Epilepsy)
          เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
          มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
          อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
          มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
          เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
          เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
          เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ Partial Complex
         มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
         เหม่อนิ่ง 
         เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
         หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
          เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
         เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
          จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
          ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
          หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
          ดูดน้ำลาย เสมหะ เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
          จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
          ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
          ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ

ซี.พี.  (Cerebral Palsy)
          การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
          การเคลื่อนไหว การพูด พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน
1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
          spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
          spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
          spastic paraplegiaอัมพาตครึ่งท่อนบน
          spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง  (athetoid , ataxia)
          athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง ปากเบี้ยวร่วมด้วย
          ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
3. กลุ่มอาการแบบผสม (Mixed)
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscular Distrophy)
          เกิดจากเส้นประสาทสมองที่ควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เสื่อมสลายตัว
          เดินไม่ได้ นั่งไม่ได้ นอนอยู่กับที่
          จะมีความพิการซ้อนในระยะหลัง คือ ความจำแย่ลง สติปัญญาเสื่อม
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
         ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อน อัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
         ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ (Infection) เช่น วัณโรค กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
         กระดูกหัก ข้อเคลื่อน ข้ออักเสบ
โปลิโอ (Poliomyelitis)
          มีอาการกล้ามเนื้อลีบเล็ก แต่ไม่มีผลกระทบต่อสติปัญญา
          ยืนไม่ได้ หรืออาจปรับสภาพให้ยืนเดินได้ด้วยอุปกรณ์เสริม
โรคกระดูกอ่อน  (Osteogenesis Imperfeta)
โรคศีรษะโต (Hydrocephalus)
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis)
โรคระบบทางเดินหายใจ
โรคเบาหวาน (
Diabetes mellitus)
 โรคหัวใจ (
Cardiac Conditions)
 โรคมะเร็ง (Cancer)
 เลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)

แขนขาด้วนแต่กำเนิด (Limb Deficiency)
Lena Maria
Nick Vujicic
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
         มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
         ท่าเดินคล้ายกรรไกร
         เดินขากะเผลก หรืออึดอาดเชื่องช้า
         ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
         มักบ่นเจ็บหน้าอก บ่นปวดหลัง
         หน้าแดงง่าย มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
         หกล้มบ่อย ๆ
         หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น